คล็อปป์ ยังมีทีเด็ดให้เห็นในทุก ๆ นัด

  • By admin
  • 13 พฤศจิกายน 2020
  • 0
  • 1427 Views
คล็อปป์ ยังมีทีเด็ดให้เห็นในทุก ๆ นัด

คล็อปป์ ยังมีทีเด็ดให้เห็นในทุก ๆ นัด

           

หลังจากที่ “ หงส์แดง ” ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเฉือนชนะ เวสต์แฮม เมื่อคืนที่ผ่านมา ด้วยสกอร์ 2 – 1 ทำให้เราได้เห็นรูปแบบการเล่นที่ คล็อปป์ พยายามปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับทรัพยากรณ์ที่มีอยู่ในทีมให้มากที่สุด

           

เวสต์แฮม ภายใต้การทำทีมของ เดวิด มอยส์ ในฤดูกาลนี้ เป็นทีมที่เล่นด้วยยาก มีเกมรับที่เหนียวแน่น ผู้เล่นตั้งแต่แผงมิดฟิลด์ไล่ไปจนถึงแดนหลัง มีความแข็งแกร่งและรูปร่างสูงใหญ่ เข้าปะทะได้หนักหน่วง มีลูกทีเด็ดทีขาดจากจังหวะสวนกลับสวย ๆ หลายครั้ง 3 นัดหลังสุด พวกเขาไม่แพ้ใคร ชนะ 1 เสมอ 2 แต่จำนวน 2 นัดที่เสมอ เป็นการเสมอกับทีมระดับบิ๊ก 6 อย่าง สเปอร์ส และ แมนเชสเตอร์ ซิตี ทั้งสิ้น ซึ่งชัดเจนว่า ทีมเยือนพกความมั่นใจมาอย่างเต็มที่

คล็อปป์ ยังมีทีเด็ดให้เห็นในทุก ๆ นัด          

และด้วยการแข่งขัน ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีก ในกลางสัปดาห์ทำให้ เยอเก้น คล็อปป์ ต้องจัดผู้เล่นแบบโรเทชั่น โดยเฉพาะตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง คล็อปป์ ให้ โจ โกเมซ เซ็นเตอร์แบ็กดาวรุ่งมากประสบการณ์ ลงจับคู่กับ แนท ฟิลิปส์ เซ็นเตอร์แบ็กหน้าใหม่วัย 23 ปี ที่มีประสบการณ์ลงเล่นให้กับทีม หงส์แดง ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี เท่านั้น ซึ่งสถานนะการของทีมทำให้ คล็อปป์ ต้องเสี่ยงที่ให้ ฟิลิปส์ ลงสนาม เนื่องจากนักเตะในทีมมีปัญหาอาการบาดเจ็บ

           

รูปเกมของทั้งสองทีมเป็นไปอย่างสูสี ทีมเยือนตั้งโซนรับลึก วิ่งเพรสเฉพาะแดนตัวเอง และรอจังหวะสวนกลับ ซึ่งจังหวะสวนกลับก็ยังไม่น่ากลัวอะไรมากมายนัก เนื่องจากการขาดหายไปของ มิเคล อันโตนิโอ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเกมลีก เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ ลิเวอร์พูล สามารถเล่นเกมรุกได้อย่างเต็มรูปแบบ

           

แต่ด้วยจังหวะที่เคลียร์บอลไม่ขาดของ โจ โกเมซ ที่สกัดบอลไปเข้าทางปืนให้กับ ปาโบล ฟอร์นาลส์ ปีกของทีมเยือน ซัดตูมเดียวผ่านมือของ อลิซอน ไปอย่างสวยงาม ซึ่งจากจังหวะนี้เอง ทำให้เราเห็นว่า โจ โกเมซ ในฤดูกานี้ ยังไม่ใช่ เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ ที่สามารถขึ้นมาเป็นตัวหลักในการยืนสั่งการหรือเป็นคีย์แมนในตำแหน่งนี้ได้ เขายังเด็กเกินไป และเขาต้องมีพี่ใหญ่ อย่าง โจแอล มาติป หรือ ฟานไดค์ ในการประคอง และคอยกำหนดการเล่นร่วมกับเขา

  คล็อปป์ ยังมีทีเด็ดให้เห็นในทุก ๆ นัด         

แต่ด้วยจังหวะของเกม ทำให้ ลิเวอร์พูล ได้จุดโทษและตีเสมอ 1 – 1 ก่อนจบครึ่งแรก และเราจะเห็นว่าช่วงพักครึ่ง คล็อปป์ ก็ไม่ได้สั่งให้ลูกทีมเร่งแต่อย่างใด เขาต้องการให้เกมเป็นไปเรื่อย ๆ แบบนี้ เนื่องจากถ้าหากเร่งเกม ก็จะเข้าทางแผนที่ มอยส์ เตรียมตัวมา คล็อปป์ เลยรอจังหวะนาทีที่สำคัญ ในการส่งตัวสำรองอย่าง เชอดราน ชากิรี กับ ดิอาโก โชตา 2 ปีกที่มีความฟิต ลงมาเล่นร่วมกันกับ โม ซาลา และ มาเน ซึ่งดูเหมือนว่าจะได้ผล ลิเวอร์พูล ค่อย ๆ เร่งจังหวะของเกมตั้งแต่นาทีที่ 70 เป็นต้นมา ค่อย ๆ บีบนวด ขณะที่ผู้มาเยือนก็เริ่มหมดแรงเพรส

 

ด้วยความเหนื่อยล้า จะเห็นว่านักเตะของ เวสต์แฮม เริ่มเปิดช่องในแดนตัวเองมากขึ้น และจังหวะโต้กลับก็มีให้เห็นน้อยลง ทำให้ตัวรุกของ ลิเวอร์พูล เข้ากรอบเขตโทษของ เวสต์แฮม ได้มากขึ้น และในจังหวะได้ประตูชัยในนาทีที่ 85 นี้เอง เราได้เห็นการประสานงานในพื้นที่แคบของ 2 ตัวสำรองที่ลงมา พวกเขาเยือกเย็นมากในบริเวณกรอบ 18 หลา โดย ชากิรี แทงบอลอดขาแนวรับของทีมเยือน ทะลุช่องไปให้กับ โชตา ซัดบอลผ่านมือ ลูคัส ฟาเบียนสกี นายทวารของ เวสต์แฮม เข้าไป

ซึ่งจังหวะนี้ เราต้องชม มาเน ที่อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ที่คอยดึงสมาธิแนวรับคู่แข่ง และปล่อยบอลให้ โชตา ที่สอดขึ้นมายิงประตู ทำให้เราเห็นว่าตัวรุกของ ลิเวอร์พูล นั้น มีความเข้าใจกันมากเพียงใด โชตา มาแค่ไม่กี่เดือน ก็เล่นบอลได้รู้ใจกับเพื่อนร่วมทีมเป็นอย่างมาก ซึ่งจุดนี้เองทำให้ คล็อปป์ มีขุมกำลังเกมรุกที่ได้เปรียบกว่าบรรดาทีมบิ๊ก 6 ที่เบียดแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก

           

 

คล็อปป์ ยังมีทีเด็ดให้เห็นในทุก ๆ นัด

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *