
ซาบาเลต้ารับเคยกังขาเรือทุ่มเงินก้อนโตคว้า แฟร์นานดินโญ่
ปาโบล ซาบาเลต้า อดีตแบ็คขวาของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอมรับว่าเขาเคยตั้งคำถามที่สโมสรยอมทุ่มเงินมากถึง 34 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัว แฟร์นานดินโญ่ มาร่วมทีม แต่ตอนนี้เชื่อว่ากองกลาง ทีมชาติบราซิล คือหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยมของสโมสร
แฟร์นานดินโญ่ ถูกเซ็นสัญญามาจาก ชัคตาร์ โดเน็ตส์ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2013 เขาค้าแข้งในลีกยูเครนมานานถึง 8 ปีและเป็นนักเตะโนเนมในเวลานั้น อย่างไรก็ตามเขาเข้ามาเป็นกำลังสำคัญของทีมได้อย่างน่าทึ่งและตอนนี้ถูกยกย่องให้เป็นตำนานในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ไปแล้ว
ดาวเตะวัย 35 ปีลงเล่นให้กับเรือใบสีฟ้าไปแล้ว 320 นัด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัยและได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมภายใต้บังเหียนของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในฤดูกาลนี้ ซาบาเลต้า เชื่อว่า แฟร์นานดินโญ่ จะมีชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์ของสโมสรในฐานะตำนาน
ซาบาเลต้ารับเคยกังขาเรือทุ่มเงินก้อนโตคว้า แฟร์นานดินโญ่
ซาบาเลต้า กล่าวว่า “แฟร์นานดินโญ่ เปรียบเสมือนไวน์ชั้นดี เขาจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออายุมากขึ้น เขามีร่างกายที่แข็งแกร่งอยู่เสมอ แต่เมื่ออยู่ในสนามเขาก็นำความเป็นผู้นำและประสบการณ์นั้นมาสู่ทีม”
“การยืนตำแหน่งของเขาดีเสมอ เขาเข้าปะทะและกระจายบอลได้อย่างยอดเยี่ยมเสมอ โอเคบางทีเขาอาจจะเสียความเร็วไปบ้างซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้เล่นที่อายุ 35 ปี แต่การเล่นในตำแหน่งกองกลางหรือเซ็นเตอร์แบ็คคุณไม่จำเป็นต้องมีความเร็วขนาดนั้น”
“เขาสามารถป้องกันแบ็คโฟร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเล่นเคียงข้าง โรดริโก้ และเขายังคงเป็นผู้เล่นที่สำคัญมาก ๆ สำหรับ ซิตี้ อีกด้วย เขาเป็นคนดีมาก ๆ และสำหรับผมแล้วเขาคือหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของซิตี้ในช่วงเวลาที่ผมอยู่ที่เอติฮัด”
“มันตลกดีเมื่อย้อนกลับไปในปี 2013 ค่าตัว 34 ล้านปอนด์สำหรับผู้เล่นที่ค่อนข้างไม่เป็นที่รู้จักอยู่ในลีกยูเครนอาจเกิดข้อกังขาในเวลานั้น แต่สำหรับสิ่งที่เขาให้และถ้วยแชมป์ทั้งหมดที่สโมสรได้รับในช่วงเวลาของเขาทำให้ค่าตัวดูเหมือนจะเป็นธุรกิจที่ยอดเยี่ยมไปเลย”
“เขาเป็นคนที่คิดบวกอยู่เสมอและมีอิทธิพลสำคัญในสนามและในห้องแต่งตัว เขาไม่เกรงกลัวอะไรเลยและมักจะเล่นด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่เสมอ ในจังหวะแบบ 50/50 เขาจะไม่กลัวอะไรเลยนอกจากพุ่งเข้าหา 100% และผมรักผู้เล่นแบบนี้”
“ในพรีเมียร์ลีกคุณต้องการผู้เล่นแบบนั้นหากคุณต้องการประสบความสำเร็จ แต่เขามีส่วนร่วมมากมายและยังสามารถทำประตูที่ยอดเยี่ยมจากนอกกรอบได้อีกด้วย เขายังมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่ผมเรียกว่า ‘ทำงานจนตัวมอมแมม’ แย่งบอลคืน หยุดเกมรุกคู่แข่ง หรือเคลื่อนบอลจากแดนหลัง และเขาก็เป็นคนที่ผมรักในฐานะเพื่อนร่วมทีม “