เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด แต่งตั้ง สมชาย มากมูล เป็นกุนซือคนใหม่
ทีม ค้างคาวมหากาฬ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ดทีมน้องใหม่ไทยลีก 2 ที่ก่อนเปิดฤดุกาล ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในทีมเต็งที่มีโอกาสจะได้เลื่อนชั้นสูง เพราะมีศักยภาพค่อนข้างจะพร้อม ไม่ว่าจะเป็นดีกรีของผู้เล่นอย่าง สินทวีชัย หทัยรัตนกุล , เลอันโดร อัสซัมเซา , แฮริสัน ไคออน และ โจนาธาน เฮส ภายใต้การคุมทีมโค้ชมากฝีมืออย่าง จเด็จ มีลาภ แต่เมื่อเปิดฤดูกาล กลับมีผลงานออกมาตรงกันข้ามอย่างที่หวังไว้ โดยลงสนามไป 5 นัด เก็บได้เพียง 4 คะแนน อยู่อันดับ 13 ของตารางคะแนน จนทำให้ทีม เมืองกาญฯ จำต้องแยกทางกับ จเด็จ มีลาภ โดยที่โค้ช จเด็จ ก็หันไปรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยโค้ชให้กับ มาโน โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทย
เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด แต่งตั้ง สมชาย มากมูล เป็นกุนซือคนใหม่
ทำให้ทีมเมืองกาญฯ ต้องดัน ไพศาล โพธิ์นา มือขวาของ โค้ชจเด็จเข้ามาคุมทีมแทน แต่ผลงานก็ไม่ได้ดีขึ้น จึงต้องแยกทางกับโค้ชไพศาล แล้วดัน ผู้เล่นซีเนียร์อย่าง สุเชาว์ นุชนุ่ม, สินทวีชัย หทัยรัตนกุล เข้ามารับหน้าที่เป็น โค้ช แอนด์ เพลย์เยอร์ ชั่วคราวไปก่อน
และในที่สุดทีมเมืองกาญ ก็เฟ้นหาโค้ชคนใหม่ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือ “คสช.” โค้ช สมชาย มากมูล นั่นเอง
โดยหลังจากที่ประธานสโมสรอย่างทาง “บอสต้น” อภิวัฒน์ คณากรณ์ ได้แต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว โค้ช สมชาย ก็ได้นำทีมลงซ้อมในทันที เพื่อให้พร้อมในการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง
โค้ชสมชาย ยังเปิดใจหลังเข้ารับตำแหน่งโค้ชให้กับทีมค้างคาวมหากาฬ ในครั้งนี้ว่า ตัวเขาเองนั้นก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ที่ทางผู้บริหารทีม เมืองกาญฯ ให้โอกาสให้เข้ามาทำงาน ซึ่งก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ทีมทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด รวมไปถึงประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
สำหรับโค้ช สมชาย มากมูล นั้นเป็น ชาวสุโขทัย ปัจจุบันอายุ 40 ปี ที่ถือว่าเป็นโค้ชหนุ่มมากฝีมือ และเต็มไปด้วยประสบการณ์ เคยผ่านการคุมทีมมาแล้วหลายสโมสร ไม่ว่าจะเป็นสุโขทัย เอฟซี , สงขลา เอฟซี , เกษตรศาสตร์ เอฟซี , เชียงใหม่ ยูไนเต็ด , พิษณุโลก เอฟซี , สมุทรสาคร เอฟซี , ลำปาง เอฟซี และสโมสรที่คุมล่าสุดเมื่อฤดูกาล 2020-2021ที่ผ่านมากคือทีม ขอนแก่น เอฟซี ก่อนพาทีม “เดอะทีเร็กซ์” รอดตกชั้นในศึกไทยลีก 2 ได้สำเร็จ
ก็ต้องดูว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ของทีม เมืองกาญฯ จะในทิศทางไหน จะประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้หรือไม่ ซึ่งไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นโค้ชก็ย่อมแบกรับความกดดัน เพราะแต่ละทีมนั้นล้วนแล้วแต่ลงทุนไปมาก ซึ่งหากผลงานสวนทางกับเม็ดเงินที่ลงไป สุดท้ายก็ต้องมีคนรับผิดชอบ